วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การทำกระดาษใยสับปะรด ตอนที่2

ต่อจากการทำกระดาษใยสับปะรด ตอนที่1 ครับ

กระดาษใยสับปะรดที่นำมาทำผลิตภัณฑ์
การย้อมสีกระดาษใยสับปะรด
เป็นขั้นตอนที่ต้องการกระดาษสี หากไม่ใช้การผลิตกระดาษสีสามารถข้ามขั้นตอนนี้สู่การทำแผ่นกระดาษได้เลย การย้อมสีเยื่อสับปะรดนี้ใช้การย้อมสีที่เรียกว่า การย้อมเย็น โดยใช้สีประเภท Reactive หรือ ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า“สีซอง”สีประเภทนี้ราคาถูกใช้ได้ผลดี จากการทดลองกับเยื่อจากใบสับปะรด ทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้ดีการย้อมสีเยื่อกระดาษจากใบสับปะรดมีขั้นตอนการย้อมเช่นเดียวกับการย้อมสีเส้นด้ายฝ้ายโดยมีขั้นตอนการย้อม ดังนี้

วิธีการย้อมสีกระดาษใยสับปะรด
ตวงน้ำตามที่กำหนดจากนั้นนำสีตามต้องการละลายในน้ำอุ่น (ปริมาณพอสมควรที่จะละลายสีได้หมด) นำมาเทลงในน้ำที่ตวงได้การตวงน้ำครั้งแรก ควรปรับลดตามปริมาณน้ำอุ่นที่ใช้ผสมสีด้วย คนให้สีเข้ากับน้ำจึงนำเยื่อกระดาษจากใบสับปะรด (อาจเป็นเยื่อที่ผ่านการฟอกขาวหรือเยื่อที่ไม่ฟอกขาวก็ได้)ลงคลุกกับน้ำสีโดยใช้มือคลุกพลิกไปพลิกมาจนสีจับเยื่อกระดาษสม่ำเสมอกัน ใส่เกลือ 100 กรัม คนและคลุกเคล้ากับเยื่อกระดาษให้ทั่วกับเยื่อกระดาษให้ทั่วกันตั้งทิ้งไว้ 25 นาทีหลังจากนั้นเติมเกลือส่วนที่เหลือ 100 กรัม กับโซดาแอช 100 กรัมลงไปคลุกกับเยื่อกระดาษจนทั่วอีกครั้งหนึ่ง ตั้งทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงจากนั้นจึงนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง จนเห็นว่าสีส่วนเกินไม่ละลายออกมากับน้ำแล้วจึงได้เยื่อกระดาษจากใบสับปะรดย้อมสีพร้อมทำแผ่นต่อไปเยื่อกระดาษจากใบสับปะรดที่ใช้ในการย้อมสีสามารถใช้ได้ทั้งเยื่อที่ไม่ผ่านการฟอกขาวเยื่อและเยื่อที่ผ่านการ ฟอกขาวแล้ว จะให้กระดาษสีที่มีลักษณะแตกต่างกันคือ

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การทำกระดาษใยสับปะรด ตอนที่1

สวัสดีครับช่วงนี้ก็ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว มาทำกระดาษใยสับปะรดเอาไว้ห่อของขวัญ หรือของฝากสวยๆ ซึ่งกระดาษใยสับปะรดสามารถนำมาใช้ประโยชน์ เช่นทำเป็นกล่องต่าง ๆ ตกแต่งบอร์ด ทำการ์ด ใบประกาศ ซองจดหมาย ฯลฯ และยังสามารถสร้างรายได้ภายในครอบครัวได้อีกทางด้วย มาดูวิธีการทำกระดาษใยสับปะรดกันเลย
วัสดุที่ใช้ในการทำกระดาษใยสับปะรด
  1. ใบสับปะรด
  2. โซดาไฟ
  3. สีย้อมผ้า
  4. ผงคลอรีนหรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ขั้นตอนการผลิตกระดาษใยสับปะรด

จากการที่ใบสับปะรดมีเส้นใย ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถนำมาทำเป็นกระดาษได้ซึ่งการที่มีผู้ทดลองค้นคว้า ปรากฎว่าใบสับปะรดจากส่วนต่าง ๆ คือ ใบจากลำต้นใบจากหน่อ และใบจากจุก ส่วนบนของผลสับปะรดสามารถนำมาทำกระดาษได้ด้วยกระบวนการผลิตเช่นเดียวกับกระดาษสา จะแตกต่างกันคือ ใช้อัตราส่วนสารเคมีคือโซดาไฟ ในกระบวนการผลิตน้อยกว่าการทำกระดาษสานอกจากนั้นการใช้ใบสับปะรดสดและใบสับปะรดแห้งในการผลิตก็มีความแตกต่างกัน กล่าวคือใบสับปะรดสดจะใช้อัตราส่วนโซดาไฟน้อยกว่าใบแห้งและมีคุณสมบัติที่ได้แตกต่างกันด้วย ซึ่งจากการทดลองในการผลิตพบว่าหลังการต้มใบสับปะรดชนิดต่าง ๆ ด้วยโซดาไฟจะได้เยื่อกระดาษที่ชุ่มน้ำ ดังนี้

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สับปะรดกวนบ้านไร่ม่วง

สวัสดีครับวันนี้เราจะมาถนอมอาหารกัน สับปะรดที่มีมากจนล้นตลาดหรือว่าขายไม่ทันถ้าทิ้งไว้อาจจะทำให้เน่าเสียได้เราจึงควรจะแปรสภาพจากสับปะรดสดมาเป็นของหวานเอาไว้รับประทานกันวีธีที่จะแปรรูปสับปะรดนั้นเราจะแปรรูปด้วยการด้วยการกวน การทำสับปะรดกวนนั้นไม่ยากครับแต่ต้องใช้เวลากันหน่อย(ของอร่อยต้องใช้เวลาครับผู้เขียนเองก็เคยนั่งกวนสับปะรดจนหลังแข็งกันเลย) 

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการกวนสับปะรดมีดังนี้
  1. กะทะทองเหลืองเบอร์ 20
  2. ไม้พาย
  3. เตาไฟ
  4. ถ่าน
อุปกรณ์ที่ใช้ในการกวนสับปะรด

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แกนสับปะรดอบแห้งเก็บไว้กินได้นาน

สวัสดีครับวันนี้จะมาแบ่งปันวิธีถนอมอาหาร แกนสับปะรดที่เหลือไม่ต้องที้งอีกต่อไปเพราะว่าเราจะนำมาทำแกนสับปะรดอบแห้งไว้รับประทานในวันหลัง วิธทำก็แสนจะง่า่ยครับ ว่าแล้วก็มาลงมือทำแกนสับปะรดอบแห้งกันเลยดีกว่า
แกนสับปะรดอบแห้งที่ทำเสร็จแล้ว
ส่วนผสมแกนสับปะรดอบแห้ง

1. เนื้อแกนสับปะรด 4-5 แกน
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
3. เกลือ 2 ช้อนโต็ะ
4. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
5. กรดซิตริก 1 กรัม
6. น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง

วิธีทำแกนสับปะรดอบแห้ง
1. นำแกนสับปะรดมาฝานเป็นชิ้นบางๆแล้วนำไปแช่ในน้ำปูนใส
2. เสร็จแล้วตักแกนสับปะรดออกไปผสมเกลือและกรดซิตริก คลุกให้ทั่ว หมักไว้ 1 คืน
3. จากนั้นนำแกนสับปะรดที่หมักไว้ได้ที่แล้วไปคลุกกับน้ำตาลทรายหมักทิ้งไว้อีก 1 คืน
4. หลังจากหมักน้ำตาลทราย 1 คืนแล้ว ให้ตักเอาแกนสับปะรดออกจากน้ำเชื่อม แล้วนำไปตาก หรือ อบให้แห้ง
5. เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำไปเก็บในภาชนะที่แห้งสะอาดและปิดให้สนิท หรือใส่ถุงชิลเก็บไว้กินได้นานหลายวัน

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเก็บเกี่ยวผลผลิตสับปะรดไร่ม่วง

สวัสดีครับพี่น้องชาวสวนสับปะรด วันนี้ทางสวนของเราจะมาแบ่งปันวิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตสับปะรดไร่ม่วง รวมไปถึงเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ชาวสวนสับปะรดจะต้องมี มาดูสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนที่จะลงสวนไปเก็บสับปะรด

  1. เครื่องแต่งกาย เสื้อแขนยาวเอาแบบหนาๆเอาไว้กันหนามจากใบสับปะรด กางเกงขายาวเป็นกางเกงยีนส์ยิ่งดีครับ รองเท้าบูต ถุงมือ
  2. มีดสำหรับตัดสับปะรด
  3. ตะกร้าหรือเข่ง เอาไว้แบกสับปะรดออกจากแถว
ชุดเตรียมพร้อมสำหรับตัดสับปะรด
เมื่อเตรียมทุกอย่างครบแล้วก็มาลงมือตัดสับปะรดกันเลย วิธีการไม่ยากครับสังเกตดูว่าสับปะรดจะมีสีเหลือง 1-2 ตา ก็เป็นอันว่าใช้ได้ครับแต่ในสำหรับบางฤดูสับปะรดอาจจะสุกแล้วแต่สืของเปลือกสับปะรดยังมีสีเขียว ถ้าเป็นในลักษณะนี้ต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษของคนที่จะตัดสับปะรดครับ แต่วันนี้จะไม่เป็นความลับครับทางสวนเราจะมาแนะนำวิธีการเลือกสับปะรด ขั้นแรกเลยสังเกตุที่ตาสับปะรดครับถ้าเป็นสับปะรดสุกตาจะขยายจนเห็นได้ชัดเจน ขั้นตอนที่สองสังเกตุที่ก้านของสับปะรดจะมีรอยเหี่ยวย่น(ถ้าเปรียบเทียบคงจะเหมือนคนแก่ครับรอยย่นเต็มไปหมดสังเกตุง่ายๆครับ) ขั้นตอนที่สามเลือกสับปะรดด้วยวิธีการเลือกสับปะรดเคาะหรือดีดเรามีวิธีให้ครับ
หลังจากที่ตัดเสร็จแล้วก็เป็นการขนย้ายสับปะรดออกจากสวน ทางสวนเราจะใช้รถไถแบบต่อพ่วงหรือเรียกว่ารถอีแต๊กออกมาใส่รถบรรทุกออกไปส่งตามร้านค้า
ย้ายสับปะรดจากรถไถต่อพ่วงมาใส่รถบรรทุก

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สับปะรดเจ้าแม่พันตา

สับปะรดเจ้าแม่พันตาคืออะไร ? 
  หลายๆคนคงจะงงๆ...ว่าอะไรคือสับปะรดเจ้าแม่พันตาเป็นสับปะรดพันธุ์ใหม่รึป่าว ? วันนี้จะมาเฉลยเกี่ยวกับสับปะรดเจ้าแม่พันตาครับ สับปะรดที่ว่านี้ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าสับปะรดทั่วไปก็มีจุกมีก้านเหมือนสับปะรดลูกอื่นๆ แต่ที่เรียกเจ้าแม่พันตาก็เพราะว่า "ตาของสับปะรด" นี่แหละครับมันจะเยอะเป็นพิเศษถ้าจะนับกันจริงๆก็คงจะเป็นพันโน่นแหละครับ และมีอีกอย่างที่พิเศษก็คือจุกของสับปะรด จะมีมากกว่า 2-3 จุก อาจจะมีถึง 10-20 จุก นี่แหละครับเป็นที่มาของสับปะรดเจ้าแม่พันตา คือมีตามีจุกมากผิดปกติเปรียบเทียบได้จากรูปจากรูปครับ
เปรียบเทียบสับปะรดเจ้าแม่พันตากับสับปะรดปกคทั่วไป

สับปะรดเจ้าแม่พันตา

 ทำไมถึงตั้งชื่อสับปะรดเจ้าแม่พันตา ?

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มารู้จักสายพันธุ์สับปะรดในประเทศไทย

สวัสดีครับวันนี้จะนำสาระดีๆมาฝากกัน สาระที่ผมจะมานำเสนอในวันนี้คือ "พันธุ์สับปะรดของประเทศไทย" หลายๆคนคงจะยังไม่รู้จักว่าประเทศไทยเรานั้นมีสับปะรดกี่สายพันธุ์หรือว่าบางคนอาจจะรู้แล้ว สายพันธุ์สับปะรดที่จะนำมาเสนอในวันนี้มีอยู 7 สายพันธุ์ครับ

  1. พันธุ์ปัตตาเวีย หรือเรียกว่า สับปะรดศรีราชา
  2. พันธุ์อินทรชิต เป็นสับปะรดพันธุ์พื้นเมือง
  3. พันธุ์ขาว
  4. พันธุ์ภูเก็ต หรือ พันธุ์สวี
  5. พันธุ์นางแล หรือ พันธุ์น้ำผึ้ง
  6. พันธุ์ตราดสีทอง
  7. พันธุ์ภูแล
สับปะรด (Ananas comosus) เป็นไม้ผลเขตร้อน ที่จัดอยู่ในวงศ์ Bromeliaceae มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อน ของทวีปอเมริกาใต้ นักเดินเรือ ชาวสเปนและโปรตุเกส เป็น ผู้นำสับปะรดไปเผยแพร่ยังยุโรป อเมริกาเหนือและเอเชียในราว ศตวรรษที่ 16 และแพร่เข้ามายัง ประเทศไทยราวปีพ.ศ.2213- 2243
ถึงแม้ว่าสับปะรดมิได้ เป็นพืชพื้นเมืองของไทย แต่ก็ สามารถเจริญเติบโตและแพร่ กระจายได้ดีในประเทศไทย เนื่องจากสับปะรดที่ปลูกรับประทานผลกันอยู่ เป็นพันธุ์ที่ไม่มีเมล็ด จึงต้องมีการขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนของลำต้น (vegetative parts) เช่น หน่อ จุกและตะเกียง แต่เนื่องจากมีการปลูก และขยายพันธุ์กันมานานจนมีลักษณะกลายพันธุ์เดิมไปตามลำดับ บางพันธุ์มีลักษณะคล้ายพันธุ์ป่า คือมีต้นสูงใหญ่ มีหนามมาก และมีผลเล็ก สำหรับสับปะรดพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าในปัจจุบัน จะได้รับการ คัดเลือกจากต้นที่มีลักษณะเด่น คือ ผลใหญ่ ต้นเตี้ย หนามน้อย ผลเป็น รูปทรงกระบอก และมีอายุถึงวันเก็บเกี่ยวสั้น
พันธุ์สับปะรดที่ปลูกเป็นการค้าในประเทศไทย ได้แก่ 
- พันธุ์ปัตตาเวีย (Smooth Cayenne) หรือที่เรียกกันทั่วไป ว่า พันธุ์ศรีราชา มีผลใหญ่ที่สุดใน บรรดาสับปะรดด้วยกัน เนื้อมีรสหวานฉ่ำ ใบมีสีเขียวเข้ม กลางใบเป็นร่องมีสีแดงอมน้ำตาล ปลายใบมีหนามเล็กน้อย เป็นพันธุ์เดียวที่ปลูกเพื่อส่งโรงงานสับปะรดกระป๋อง ปลูกมากในจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี เพชรบุรี ระยอง และลำปาง

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผิวขาว ผิวสวย ช่วงหน้าหนาวด้วยสับปะรด

บทความนี้สำหรับคุณสาวๆครับ(คุณหนุ่มๆก็ได้ครับไม่ว่ากัน) ช่วงนี้ใกล้หน้าหนาวแล้วมาดูแลผิวพรรณกันดีกว่าเอาไว้อัพเร็ทติ้ง หน้าหนาวผิวลายผิวแตกกร้านอันนี้คงจะไม่เป็นที่ปรารถนาของคุณสาวๆที่ชอบความสวยความงามกันฅักเท่าไหร่ พอดีไปเจอบทความใน เวปกระปุก เลยเอามาฝากกันอาจจะเป็นประโยขน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

ศอกขาวเนียนด้วยสับปะรด (ไอเอ็นเอ็น)
สับปะรดก็สามารถช่วยให้ศอกขาวเนียนได้
ข้อศอกดำ หัวเข่าด้าน เป็นปัญหาที่หลายๆ คน แทบจะไม่อยากใส่เสื้อสายเดี่ยว และมินิสเกิร์ต เพราะจะทำให้ไม่มั่นใจ แต่วันนี้มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยได้ นั่นก็คือ สับปะรด
      วิธีทำ คือ เพียงนำเอาสับปะรด 1/4 ผล ไปสับให้ละเอียด จากนั้นนำเข้าตู้เย็น เมื่อได้เวลาอาบน้ำก็เปิดตู้เย็น หยิบสับปะรดที่เตรียมไว้ไปด้วย หลังจากที่อาบน้ำ ขัดผิวให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว นำสับปะรดเย็นๆ ที่เตรียมไว้มาขัดให้ทั่วแขน ขา ข้อศอก และหัวเข่า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง ทาด้วยครีมบำรุงผิวที่ใช้อยู่เป็นประจำ

   สูตรนี้สามารถทำได้บ่อยๆ แต่ก็ไม่ควรจะเกินวันเว้นวัน


ข้อมูลจาก http://women.kapook.com

วิธีการและขั้นตอนการปลูกสับปะรดไรม่วง ตอนที่2

สวัสดีครับพี่น้องชาวเกษตรกร บทความนี้จะเล่าต่อจาก วิธีการและขั้นตอนการปลูกสับปะรดไรม่วง ตอนที่1
บทความที่แล้วได้กล่าวถีงวิธีการเตรียมดินและหน่อพันธุ์สับปะรด ในวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการปลูกและอัตราส่วนต่างๆ มาเริ่มกันเลยครับ
  1. การปลูกสับปะรดไร่ม่วงนั้นมีอยู่ 2 แบบ 1)แบบเป็นแปลง 2)แบบเป็นแถว การปลูกที่นิยมกันในปัจจุบันคือการปลูกแบบเป็นแถว สามารถแบ่งย่อยเป็นเดี่ยวและแถวคู่ ข้อดีของการปลูกเป็นแปลงและการปลูกเป็นแถวนั้นมีข้อดีต่างกัน ข้อดีของการปลูกสับปะรดเป็นแปลงจะทำให้ปลูกได้มากกว่าการปลูกสับปะรดเป็นแถวโดยเฉลี่ยต่อไร่ เพราะว่า 1 แปลงนั้นจะปลูกสับปะรด 3-5แถว ส่วนข้อดีของการปลูกเป็นแถวคือเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตจะทำได้ง่ายกว่าแบบเป็นแปลง
  2. อัตราส่วนการปลูกสับปะรดระหว่างต้นและระหว่างแถว อัตรส่วนการปลูกสับปะรดแบบแถวเดี่ยวระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30 ฃม. ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 80 ฃม. อัตรส่วนการปลูกสับปะรดแบบแถวคู่ระยะห่างระหว่างต้นและคู่แถวประมาณ 30x40 ฃม. และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 80 ฃม.



วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีการและขั้นตอนการปลูกสับปะรดไรม่วง ตอนที่1

สวัสดีครับพี่น้องชาวเกษตรกรวันนี้ผมจะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการปลูกสับปะรดไร่ม่วงกับพี่น้องเกษตรกรชาวสับปะรดที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือว่าอยู่ต่างจังหวัดที่มีสวนสับปะรดเป็นของตนเอง
สำหรับขั้นตอนและวิธีการที่จะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองครับมาเริ่มกันเลย

  1. การเตรียมดิน
  2. การเตรียมหน่อพันธุ์สับปะรด
การเตรียมดิน
    การเตรียมดินที่จะปลูกสับปะรดนั้นถ้าจะให้ดีต้องมีการไถพรวน 2 รอบ เพราะการไถพรวน 2 รอบจะทำให้ดินที่จะปลูกสับปะรดนั้นแตกเป็นก้อนเล็กๆดังรูป

ดินที่ไถพรวน 2 รอบ

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แกงคั่วสับปะรด

สวัสดีครับวันนี้ทานข้าวกันรึยังถ้ายังไม่ได้ทานเชิญทางนี้ครับเรื่องทีจะนำมาเสนอวันนี้คือกับข้าวที่ทำจากสับปะรดพอดีวันนี้อยากกินแกงคั่งสับปะรดหอยแมลงภู่ครับมาลงมือกันเลย


ส่วนผสมของแกงคั่งสับปะรดหอยแมลงภู่

  1. เครื่องแกงคั่ว                 1/2 ถ้วย      
  2. หอยแมลงภู่                   1/2 กก.
  3. สับปะรด(คัดเอาแบบกรอบสไตล์สับปะรดไร่ม่วง)   1 ลูก
  4. หัวกะทิ                           1 ถ้วย    
  5. หางกะทิ                         2 ถ้วย
  6. น้ำตาลปี๊บ/น้ำตาลทราย                      
  7. น้ำปลาอย่างดี
  8. เกลือ                 
  9. น้ำมะขามเปียก
วิธีทำแกงคั่งสับปะรดหอยแมลงภู่
  1. ตั้งหม้อบนเตานำกะทิใส่ลงในหม้อ เปิดไฟปานกลาง
  2. พอกะทิเริ่มเดือด ใส่เครื่องแกงลงไปผัด คนส่วนผสมให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม (เวลาผัดกะทิกับเครื่องแกงไม่ต้องให้กะทิแตกมันนะครับ)
  3. ใส่หอยแมลงภู่ และสับปะรดลงไปผัดให้เข้ากันกับเครื่องแกงปล่อยให้ส่วนผสมทั้งหมดเดือด
  4. เติมหางกะทิที่เตรียมเอาไว้ลงไปรอให้น้ำเดือดอีกครั้ง
  5. ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก น้ำตาล น้ำปลาหรือเกลือ ชิมรสตามชอบนะครับ
เสร็จแล้วครับพร้อมเสริฟได้เลยกับข้าวสวยร้อนๆ

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มาทำพายสับปะรดกันเถอะ


สำหรับวันนี้ผมเอาสูตรการทำ พายสับปะรด มาฝากกันสำหรับขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก เหมาะสำหรับทำเป็นของฝากให้กับคนรู้จัก หากทำอร่อยจะเอาไปทำขายก็ไม่ว่ากันครับ เอาหละไม่พูดพร่ำทำเพลงละ เรามาลองดูวิธีทำกันดีกว่า

ส่วนผสม (ทำได้ 40 ชิ้น)
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง
2. เนยสด 1/2 ถ้วยตวง
3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
4. น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนชา


วิธีทำสับปะรดกวน
1. นำสับปะรดมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ
2. บีบน้ำออกให้หมด
3. นำสับปะรด 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา อบเชยขนาดยาว 1 นิ้ว 1 แท่ง เผาไฟนิดหน่อย พอให้ออกกลิ่น (ถ้าเป็นอบเชยป่นก็ใช้ 1/2 ช้อนชา) ลงไปกวนด้วย คนเป็นระยะจนเหนียวทิ้งไว้ให้เย็น

วิธีทำแป้งพาย
1. ร่อนแป้ง เกลือป่น และน้ำตาลไอซิ่ง 2 ครั้ง ใส่ภาชนะ
2. ใส่เนยสดโดยตัดเป็นแผ่นบางๆลงในแป้งที่ร่อนในขั้นตอนแรก
3. ค่อยๆพรมน้ำ พร้อมใช้มือตะล่อมแป้ง และเนยสดให้เข้ากัน
4. เมื่อนวดแป้งเข้ากันแล้ว ให้ห่อด้วยกระดาษฟลอย หรือถุงพลาสติก แช่ในตู้เย็น 15 นาที
5. นำแป้งออกจากตู้เย็น แล้วมาคลึงแผ่เป็นแผ่นหนาประมาณ 1/4 นิ้ว
6. ตัดเป็นแผ่นแล้วใส่ลงพิมพ์
7. ตักสัปรดกวนใส่ แล้วนำแป้งตัดเป็นเส้น ทาด้วยไข่แดงที่ตีพอแตก มาคาดทับ
8. เข้าเตาอบ ความร้อน 375 ฟาเรนไฮท์ หรือ 200 องศาเซลเซียส

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สับปะรดลอยแก้วเย็นๆสักถ้วยเอาไว้คลายร้อนกัน

สวัสดีครับวันนี้จะมาเสนอเมนูคลายร้อน ยิ่งช่วงนี้อากาศตอนเที่ยงคล้อยบ่ายรู้สึกว่าค่อนข้างจะร้อนถึงร้อนมากเมนูหลักวันนี้หวังว่าคงจะช่วยพวกเราคลายร้อนได้ไม่มากก็น้อยวันนี้เราจะเสนอ "สับปะรดลอยแก้ว" 


วิธีทำก็แสนจะง่ายใครๆก็ทำได้ครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
วัตถุดิบสำหรับสับปะรดลอยแก้ว
  1. สับปะรดไร่ม่วง    1 ลูก
  2. น้ำตาล                1/2 ถ้วย
  3. เกลือ                   1 ช้อนชา
  4. น้ำเปล่า               1 ถ้วย
  5. น้ำแข็ง                 1/2 ถ้วย

วิธีทำสับปะรดลอยแก้ว
  1. ปอกเปลือกสับปะรดแล้วหั่นเป็นชิ้นๆพอดีคำ
  2. ต้มน้ำให้เดือดใส่เกลือ น้ำตาล ลงไปคนให้ละลายแล้วลองชิมดูถ้าชอบรสชาติใหนก็เติมลงไป
  3. ทิ้งน้ำเชือมไว้ให้เย็น
วืธีรับประทานเอาสับปะรดที่หั่นไว้แล้วใส่ถ้วยเติมน้ำเชื่อมและน้ำแข็งแค่นี้ก็เรียบร้อยพร้อมเสริฟแล้วครับ
เมนูนี้เอาเป็นของหวานตอนเที่ยงจะดีมากเพราะจะช่วยย่อยอาหารมื้อเที่ยงของเราได้เป็นอย่างดี 

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ไวน์สับปะรดเอาไว้สังสรรค์สุดสัปดาห์ | Pineapple wine for mini party last weekend


พอถึงสิ้นเดือนทีไรมันต้องมีปาร์ตี้กันสักหน่อยกับพวกพ้องเพื่อนฝูงแบบไม่แพงเกินไปวันนี้จึงนำเสนอเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์ไม่มากนักเคื่องดื่มที่ว่าคือ "ไวน์สับปะรด" นั่นเองมีวิธีทำที่ไม่ยุ่งยากครับมาลงมือกันเลยดีกว่าครับ

ส่วนผสม
- น้ำสับปะรด 1 ลิตร
- น้ำตาลทรายขาว 1 กก.
- น้ำสะอาด 3.5 ลิตร
- ซิตริคแอซิด 1 ช้อนชา
- แพคติเนส (Pectic Enzyme) ½ ช้อนชา
- แทนนิน Tannic Acid ¼ ช้อนชา
- อาหารยีสต์ DAP 1 ช้อนชา
- ยีสต์ EC 1118 1 ซอง (5กรัม)

วิธีทำ
1. ละลายน้ำตาลกับน้ำ แล้วเติมส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นยีสต์) ลงในถังหมักปากกว้าง ผสมให้เข้ากัน ปิดฝา แล้วทิ้งไว้ 12 ชม.(อาจใช้ถังพลาสติกเกรดดีชนิดมีฝา ขนาด 8-10 ลิตร)
2. โรยยีสต์ลงบนน้ำหมัก หมักเป็นเวลา 7 –10 วัน กวนส่วนผสม ให้เข้ากันทุกวัน
3. เมื่อ S.G ลดลงเหลือ 1.010 ให้แยกส่วนใส ใส่ลงในขวดแก้ว หรือพลาสติก ขนาด 5 ลิตร แล้วใส่แอร์ล็อค
4. ทุกๆ 30 วัน ให้แยกส่วนใส เติมด้วยน้ำสะอาดให้เกือบเต็ม และใส่แอร์ล็อค ทำดังนี้จนกว่าไวน์จะใส
5. เติมสารละลาย 10% โปตัสเซียม เมตาไบซัลไฟด์ (10% KMS) 5 ซีซี (หากต้องการให้ไวน์หวาน เติมน้ำตาลเท่าที่ต้องการ)
6. ทิ้งไว้ 10 วัน ก่อนบรรจุขวด

* ไวน์จะพร้อมดื่มในอีก 5-6 เดือน

ข้อมูลจาก : www.d-i-wine.com

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

น้ำส้มสายชูจากสับปะรดทานเพื่อสุขภาพ

อยู่่บ้านว่างๆมาลองทำน้ำส้มสายชูจากเปลือกสับปะรดจะได้น้ำส้มแท้บริสุทธิไม่มีสารเคมีเจือปนและยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นเพราะว่าในน้ำส้มสับปะรดนั้นช่วยแก้ปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อได้ด้วย


วิธีทำนี้ได้มาจากโครงงานวิทยาศาตร์ลองทำดูครับ
เป้าหมาย
สามารถผลิตน้ำส้มสายชูอย่างง่ายจากเปลือกสับปะรดได้


เครื่องไม้ เครื่องมือ

  1. เปลือกสับปะรด 1 กิโลกรัม
  2. น้ำตาลทราย 300 กรัม
  3. ยีสต์ทำขนมปัง 2 ช้อนชา
  4. หม้ออะลูมีเนียม
  5. เตาไฟ
  6. ขวดโหลปากกว้าง (สำหรับใส่เปลือกสับปะรด)
  7. ถุงพลาสติกพร้อมยางรัดปิดปากขวดโหล

น้ำหมักชิวภาพปุ๋ยชั้นเยิ่ยมจากสับปะรด(EM)

สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆชาวเกษตรกร วันนี้ผมจะนำสาระเกี่ยวกับผลผลิตที่ได้จากสับปะรดมาฝากครับ และเรื่องทีจะนำมาเสนอวันนี้คือ "น้ำหมักชีวภาพหรือ EM" เป็นหัวเชื้อชั้นเยี่ยมเลยล่ะครับที่สวนสับปะรดของผมใช้อยู่ครับช่วยประหยัดเงินได้เยอะเลยทีเดียว มาดูวิธีทำกันเลยดีกว่าอาจจะไม่เหมือนกับคนอื่นนะครับเพราะเป็นสูตรที่สวนเองครับส่วนผสมอาจจะไม่มากเหมือนสูตรอี่นครับแต่ก็ได้ผลดี(เน้นสับปะรดครับใส่เยอะๆ)

ส่วนผสมสำหรับ 1 ถัง 200 ลิตร
กากน้ำตาล     20 กก.
สับปะรด         60 กก.

วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ
นำสับปะรดมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ(ไม่ต้องปอกเปลือกครับ)หลังจากนั้นเทกากน้ำตาลลงไปแล้วคนให้เข้ากันสังเกตุดูว่าส่วนผสมเข้ากันดีแล้วก็ปิดฝาได้เลยครับ

ข้อแนะนำการทำน้ำหมักชีวภาพ
ต้องหมั่นเปิดฝาตรวจเช็คว่าน้ำหมักเราบูดรึป่าว ช่วง2อาทิตย์แรกๆพยายามเปิดดูถี่หน่อยอาจจะเป็น 2-3 วันครังเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำหมักของเราไม่บูดถ้ามีกลิ่นบูดเหม็นเปรี้ยวให้เติมกากน้ำตาลลงไปแล้วคนให้เข้ากันหลังจากนั้นก็กล็บมาเช็คดูอีกที ถ้าน้ำหมักไม่มีกลิ่นเหม็นบูดเหมือนเสร็จไป50เปอร์เซ็นแล้ว หมักไว้ 6-12 เดือน เป็นอันใช้ได้ครับ

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หน้าใสผิวสวยด้วยสับปะรด

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
สาวๆท่านใดอยากผิวสวยหน้าใสกิ๊กเอาใว้เช็คเร็ทติ้งมาทางนี้ครับวันนี้มีเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสับปะรดมาฝากกันมีทั้งคลีมและโลชั่นเลือกใช้กันได้ตามอัธยาศัยมาดูสูตรแรกกันเลย

ครีมกระชับผิวลดความมัน (สำหรับสาวผิวมัน)

ส่วนผสมครีมกระชับผิว
เนื้อสับประรด 1/2 ถ้วย
ไข่ขาว            1 ฟอง
น้ำผึ้ง              2 ช้อนโต๊ะ
นมสด             3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำครีมกระชับผิว
นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกันให้ละเอียดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

วิธีใช้ครีมกระชับผิว
ทาครีมสับปะรดทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำธรรมดา

คำแนะนำการใช้
ควรใช้ครีมสัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะขาวเนียนใสกิ๊ก รูขุมขนของคุณจะกระชับจนรู้สึกได้ และน้ำมันส่วนเกินจะลดน้อยลง เวลาที่ทาแป้งหรือแต่งหน้าจะติดทนนานกว่าเดิม

ครีมขัดผิวขัดตัว (สำหรับสาวทุกสภาพผิว)
ส่วนผสมครีมขัดตัว

เนื้อสับปะรดสด 1 ถ้วย
ขมิ้นชันผง         2 ช้อนชา
รำข้าว                3 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง                 1 ช้อนโต๊ะ
นมสด                1/2 ถ้วย

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สรรพคุณทางยาของสับปะรด

ข้อมูลจาก http://www.kamolonline.net
คุณค่าของสับปะรด
'สับปะรด' หวานฉ่ำ มีคุณค่าอย่างไร..
สับปะรด เป็นผลไม้ธรรมดา ๆ ที่เราสามารถหาซื้อรับประทานได้ง่าย เนื่องจากออกผลตลอดทั้งปีไม่ต้องรอตามฤดูกาล หากรับประทานสด ๆ ก็ทำให้เย็นฉ่ำดับร้อนได้ หรือคุณแม่บ้านบางคนนิยมนำไปปรุงอาหารก็ให้รสชาติที่ดีทีเดียว นอกจากนี้คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าสับปะรดยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายที่เราไม่ควรมองข้าม คุณปฏิมา พรพจมาน นักกำหนดอาหาร โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้ความรู้ว่า ในสับปะรดมีสารอาหาร  ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายหลาย  ชนิด โดยสารอาหารที่มีมาก ก็ได้แก่ แมงกานีสและวิตามินซี ซึ่ง แมงกานีสเป็นเกลือแร่ตัวหนึ่งที่ร่างกายต้องการและขาดไม่ได้ เนื่องจากช่วยในการสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและควบคุมการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด รวมทั้งการเผาผลาญโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันให้เป็นพลังงานของร่างกาย ส่วนวิตามินซีช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถป้องกันโรคหัวใจ ความดันและโรคเหงือกได้ นอกจากนี้ยังมีสารตัวหนึ่งชื่อ “โบรมีเลน” (Bromelain) ซึ่งพบเยอะมากในสับปะรด ช่วยในการย่อยโปรตีนในเนื้อสัตว์ คุณแม่บ้านจึงนิยมนำมาหมักเนื้อสัตว์ซึ่งจะทำให้เนื้อนุ่มน่ารับประทาน และยังเป็นสารที่ช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ ให้ร่างกายอีกด้วย ส่วนวิตามินบี 1 และวิตามินบี 6 ซึ่งมีอยู่ในสับปะรดจำนวนไม่มาก แต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี 1 ช่วยในเรื่องของการป้องกันอาการเหน็บชา เหนื่อยง่าย และวิตามินบี 6 ช่วยให้การทำงานของระบบประสาท และเม็ดเลือด หากร่างกายขาดจะลดการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ช่วยป้องกันโรค ทั้งนี้สับปะรดเป็นผลไม้ที่ช่วยดับความร้อนยังมีสรรพคุณทางยาในการช่วยขับปัสสาวะอ่อน ๆ และมีกากใยอาหารที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย อย่างไรก็ตามหากเรารับประทานสับปะรดเพียงอย่างเดียวโดยไม่ดูแลสุขภาพและไม่ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย คุณค่าจากสับปะรดก็จะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเลย ที่สำคัญการบริโภคสับปะรดไม่ใช่จะมีเฉพาะประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีข้อเสียด้วยเพราะ สับปะรดดิบมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ถ้าเราบริโภคในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายได้.

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของเอ็นไซม์ที่มีอยู่ในสับปะรด

รูปภาพจากอินเทอร์่เน็ต
คุณเคยมีอาการอย่างนี้รึป่าวหลังจากเวลาที่คุณมีความสุขกับการทานอาหารมากจนเกินไปจึงทำให้มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อกระสับกระส่ายอึดอัดไปหมดทำให้เกิดอาการหงุดหงิด อาการเหล่านี้มีทางช่วยได้โดยวิธีง่ายๆคือการกินครับกินเข้าไปอีก สิ่งที่ผมบอกให้กินนั้นคือสับปะรดนั่นเอง ทำไมสับปะรดถึงช่วยได้? เพราะว่าสับปะรดนั้นมีสารเคมีอยู่ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า "เอ็นไซม์" สารเคมีตัวนี้จะทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปอย่างมากได้เ็ร็วขึ้น สับปะรดเป็นผลไม้ที่ทานง่ายมีรสชาติหวานอร่อยหาซื้อได้ง่ายถ้าไม่รู้จะซื้อที่ใหนผมขอแนะนำ สับปะรดไร่ม่วงครับ ของดีราคาถูก

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โชว์หุ่นสวยช่วยได้ด้วยน้ำสับปะรดปั่น

คุณสาวที่อยากหุ่นดี หุ่นสวย มาลองอ่านสาระดีๆที่เรานำมาฝากกันครับ แน่นอนครับในสายตาของหนุ่มๆส่วนมากจะมองสาวๆที่ส่วนสัดก่อนเลยเป็นอันดับแรก เพราะว่าถ้ามองในระยะ 100 เมตรไม่มีหนุ่มๆคนใหนหรอกครับที่จะมองหน้าตาคุณสาวๆเป็นอันดับแรกก่อนส่วนสัดที่สวยงาม
ดังนั้นเรืองที่จะนำเสนอในวันนี้คือ น้ำสับปะรดปั่นกับกล้วยสุก
มาดูส่วนประกอบกันก่อน
1. น้ำสับปะรด  200 มิลลิกรัม
2. กล้วยสุก      1      ผล( กล้วยน้ำว้าหรือกล้วยหอมก็ได้)
3. น้ำผึ้ง           1      ช้อนโต๊ะ
4. มะพร้าวขูด   1      ช้อนโต๊ะ
นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกันเป็นอันเสร็จน้ำสับปะรดปั่น
คุณค่าที่ได้จากน้ำสับปะรดปั่นแก้วนี้
  - สับปะรดช่วยให้รสชาติอร่อยและยังช่วยขับน้ำและสารพิษในร่างกาย
  - กล้วยสุกมี วิตามิน และทำให้อิ่มได้นาน
จากคุณสมบัติที่กล่าวมาอีกอย่างที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายนะครับจะได้หุ่นดี หุ่นสวย ให้หนุ่มๆเผลอมองจนไม่กระพริบสายตา

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มายืดความสาวใสให้ยาวนานด้วยสับปะรด

สวัสดีครับวันนี้จะมานำเสนอเกล็ดความรู้สำหรับคุณสาวๆกัน แน่นอนครับสาวๆคนใหนก็ไม่อยากจะอยู่ใกล้ความแก่และรอยเหี่ยวย่นที่มาพร้อมกับการเวลา เรามีวิธีง่ายๆที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้เราจะใช้สับปะรดนี่แหละมาช่วยยับยั้ง( เป็นสับปะรดไร่ม่วงได้ยิ่งดีครับ เหอะๆ ขอโปรโมทนิดนึง )

   ชั้นตอนที่1. นำสับปะรดมาผ่าเอาเนื้อมาคั้นเอาแต่น้ำกากก็แยกที้งไป
   ชั้นตอนที่2  เมื่อได้น้ำสับปะรดแล้วนำมาชโลมให้ทั่วไบหน้ายกเว้น   รอบดวงตาและริมฝีปาก
   ชั้นตอนที่3  หลังชโลมน้ำสับปะรดทิ้งใว้ 15-20 นาที แล้วล้างหน้าน้ำ ด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด
แค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆคุณสาวๆก็จะมีใบหน้าที่ ขาว สวย เด้ง และลดริ้วรอยจุดด่างดำต่างๆ
วิธีนี้จะได้ผลดีกับสาวๆที่ผิวหน้ามัน แต่สาวๆที่ใบหน้ามีสิวหรือมีแผลแนะนำให้สิวหรือแผลตรงใบหน้าหายก่อนนะครับถ้าใช้แล้วอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีเลือกสับปะรดแบบฉ่ำและแบบกรอบ

สวัสดีครับวันนี้จะนำสาระวิธีการเลือกสับปะรดกันครับ สับปะรดนั้นมีให้เลือกอยู่ 2แบบใหญ่ๆครับ
   แบบที่1 สับปะรดแบบฉ่ำ
      วิธีเลือกเราจะใช้วิธีเคาะหรือดีดเพื่อฟังเสียงไม่มีเครื่องมือพีเศษใช้นิ้วกับหูเท่านั้นครับแต่ต้องเป็นคนช่างสังเกตุหน่อยนะครับเพราะเสียงของสับปะรดฉ่ำและไม่ฉ่ำเสียงจะไม่ค่อยแตกต่างกันครับสำหรับมือใหม่หัดเคาะ เสียงของสับปะรดที่ฉ่ำนั้นจะดัง "แปะๆ เสียงจะดังแน่นๆ" ทีเป็นเช่นนี้เพระว่าปริมาณน้ำในลูกสับปะรดมีมากเปรียบเทียบได้เหมือนกับลองเอาลูกโป่งมา2ลูก ลูกที่1ใส่น้ำเข้าไปและลูกที่2เป่าลมเข้าไปแล้วลองดีดดูครับเสียงที่ออกมาจะไม่เหมือนกันเรวใช้วิธีนี้มาเป็นวิธีเลือกสับปะรดที่ฉ่ำและไม่ฉ่ำครับ
  แบบที่2 สับปะรดแบบไม่ฉ่ำ(แบบกรอบ)
     สำหรับวิธีที่2นั้นเสียงทีได้จะต่างกับเสียงแบบที่1ครับเสียงของแบบที่2จะดัง "โปะๆ" ลักษณะเหมือนข้างในจะกรวงเพราะว่าสับปะรดลูกที่ไม่ฉ่ำนั้นปริมาณน้ำจะน้อยสังเกตุง่ายๆครับสับปะรด2ลูกที่ขนาดเท่าๆกันลูกที่ฉ่ำจะหนักกว่าลูกที่ไม่ฉ่ำครับ
ถ้าอ่านแล้วยังคิดไม่ออกว่ามันเป็นยังงัยลองแวะมาที่ร้านสับปะรดบ้านไร่ม่วงได้ครับรับรองไม่ผิดหวังครับ

ปล.วันหลังจะมีคลิปการเลือกสับปะรดมาฝากครับ

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของสับปะรด

บทความจาก http://www.phuketjournal.com/pineapple-2524.html


“สับปะรด” เป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ตลอดทั้งปี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจนไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักประโยชน์ของสับปะรดกันดีกว่า
1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อ และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านทานโรคให้แก่ร่าง กาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก
2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดโคเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง
3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีสที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของ เซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เลือกซื้อสับปะรดไร่ม่วงอย่างไร..? ไม่ผิดหวัง

วันนี้จะมาแนะนำการเลือกร้านที่จะซื้อ "สับปะรดไร่ม่วงของแท้ ( ช่วงหลังมานี้มีพวกแอบอ้างไปเอาสับปะรดมาจากแหล่งอื่นเข้ามาขายในหมู่บ้านไร่ม่วงเอามาย้อมแมวว่างั้น)" อันดับแรกเลยต้องสังเกตุที่หน้าร้านครับจะมีป้ายผ้าขนาดประมาณ 2x4 ฟุต ห้อยอยู่ตรงหน้าร้านดังรูป


และอยากให้แน่ใจยิ่งกว่าทางร้านต้องมีสับปะรดให้ชิมอันนี้ชัวว์ครับคอนเฟริมของแท้แน่นอน

สับปะรด มาจากใหน? | Pineapple come from...?

สับปะรด มาจากใหน.......?

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สับปะรด
สับปะรด เป็นพืชที่นิยมปลูกทั่วประเทศไทย
สับปะรด เป็นพืชที่นิยมปลูกทั่วประเทศไทย
สับปะรด (ชื่อทางวิทยาศาตร์: Ananas comosus) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากแถวๆทวีปอเมริกาใต้ ลำต้นมีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกก็สามารถปลูกได้ง่ายโดยการใช้หน่อหรือที่เป็นส่วนยอดของผลที่เรียก ว่า จุก มาฝังกลบดินไว้ และออกเป็นผล เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล
แต่ละท้องถิ่นเรียกสับปะรดแตกต่างกันออกไปเช่น[1]
  • ภาคกลาง เรียกว่า "สับปะรด"
  • ภาคอีสาน เรียกว่า "บักนัด"
  • ภาคเหนือ เรียกว่า "มะนัด, มะขะนัด, บ่อนัด"
  • ภาคใต้ เรียกว่า "ย่านัด, ย่านนัด, ขนุนทอง"

[แก้]

ลักษณะของสับปะรด

ผลของสับปะรดระยะแรก
รูปลักษณะ ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ใบเดี่ยวเรียงสลับ ซ้อนกันถี่มากรอบต้น กว้าง 6.5 ซม. ยาวได้ถึง 1 เมตร ไม่มีก้านใบ ดอกช่อออกจากกลางต้น มีดอกย่อยจำนวนมาก ผลเป็นผลรวม รูปทรงกระบอก มีใบเป็นกระจุกที่ปลาย
สับปะรดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เมื่อเจริญเป็นผลแล้วจะเจริญต่อไปโดยตาที่ลำต้นจะเติบโตเป็นต้นใหม่ได้อีก และสามารถดัดแปลงเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย
สับปะรดแบ่งออกตามลักษณะความเป็นอยู่ได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือพวกที่มีระบบรากหาอาหารอยู่ในดิน หรือเรียกว่าไม้ดิน, พวกอาศัยอยู่ตามคาคบไม้หรือลำต้นไม้ใหญ่ ได้แก่ ไม้อากาศต่าง ๆ ที่ไม่แย่งอาหารจากต้นไม้ที่มันเกาะอาศัยอยู่ พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ประดับ, และพวกที่เจริญเติบโตบนผาหินหรือโขดหิน

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประวัติความเป็นมาของ สับปะรดไร่ม่วง | Beginning of Raimoung Pineapple

ความเป็นมาของ สับปะรดไร่ม่วง

        เริ่มแรกก็ต้องขอสวัสดีก่อนนะครับ วันนี้ผมจะมาเล่าถึงความเป็นมาของ สับปะรดไร่ม่วง
การเริ่มต้นของสับปะรดไร่ม่วงได้เกิดขึ้นจากมีบุคคลหนึ่งในหมู่บ้านไร่ม่วงชื่อ นาย แก้ว ศรีกระบุตร ซึ่งตอนนั้น นาย แก้ว ศรีกระบุตร มีอาชีพเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนบ้านไร่ม่วง(ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนมโนบุเรศบำุรุงการ) มีความชอบในด้านเกษตรกรรม จึงได้เสาะหา พืชพันธุ์ ผลไม้ ชนิดใหม่ๆที่ไม่มีในหมู่บ้านนำมาเพาะปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน และได้สั่งซื้อสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียจากภาคตะวันออกของประเทศไทย มาจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มากนัก ขนส่งมาทางรถไฟ และทางเกวียน จนมาถีงหมู่บ้านการขนส่งจากภาคตะวันออกนั้นสมัยก่อนการเดินทางต้องใช้เวลามากพอสมควรจึงทำให้หน่อของสับปะรดเหี่ยวเฉามากๆเพราะโดนแดดเผาเป็นเวลานาน หลังจากที่ นาย แก้ว ได้รับหน่อสับปะรดจึงรีบนำไปปลูกไว้ที่สวนหลังบ้านเพราะคิดว่าหน่อสับปะรดจะตาย แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด หน่อที่โดนแดดเผาใกล้ตายกลับมีความเจริญงอกงามได้เร็วมากหลังจากที่ปลูกไว้และคอยดูแลประมาณ 1ปี สับปะรดก็เริ่มออกดอกให้ผลผลิต เมื่อได้ชิมรสชาติ สับปะรดมีความหวาน หอม อร่อย และไม่กัดลิ้นเหมือนสับปะรดของภาคตะวันออก หลังจากนั้นจึงได้แจกจ่ายให้คนในหมู่บ้านนำไปทดลองปลูกคนละนิดคนละหน่อยเพาะว่าช่วงแรกๆหน่อของสับปะรดยังมีไม่มากนัก นับจากนั้นจนถึงปัจจุบันสับปะรดไร่ม่วงก็ได้เป็นที่รู้จักของหลายๆคนและติดใจในรสชาติของสับปะรดไร่ม่วง