วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แกนสับปะรดอบแห้งเก็บไว้กินได้นาน

สวัสดีครับวันนี้จะมาแบ่งปันวิธีถนอมอาหาร แกนสับปะรดที่เหลือไม่ต้องที้งอีกต่อไปเพราะว่าเราจะนำมาทำแกนสับปะรดอบแห้งไว้รับประทานในวันหลัง วิธทำก็แสนจะง่า่ยครับ ว่าแล้วก็มาลงมือทำแกนสับปะรดอบแห้งกันเลยดีกว่า
แกนสับปะรดอบแห้งที่ทำเสร็จแล้ว
ส่วนผสมแกนสับปะรดอบแห้ง

1. เนื้อแกนสับปะรด 4-5 แกน
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
3. เกลือ 2 ช้อนโต็ะ
4. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
5. กรดซิตริก 1 กรัม
6. น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง

วิธีทำแกนสับปะรดอบแห้ง
1. นำแกนสับปะรดมาฝานเป็นชิ้นบางๆแล้วนำไปแช่ในน้ำปูนใส
2. เสร็จแล้วตักแกนสับปะรดออกไปผสมเกลือและกรดซิตริก คลุกให้ทั่ว หมักไว้ 1 คืน
3. จากนั้นนำแกนสับปะรดที่หมักไว้ได้ที่แล้วไปคลุกกับน้ำตาลทรายหมักทิ้งไว้อีก 1 คืน
4. หลังจากหมักน้ำตาลทราย 1 คืนแล้ว ให้ตักเอาแกนสับปะรดออกจากน้ำเชื่อม แล้วนำไปตาก หรือ อบให้แห้ง
5. เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำไปเก็บในภาชนะที่แห้งสะอาดและปิดให้สนิท หรือใส่ถุงชิลเก็บไว้กินได้นานหลายวัน

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเก็บเกี่ยวผลผลิตสับปะรดไร่ม่วง

สวัสดีครับพี่น้องชาวสวนสับปะรด วันนี้ทางสวนของเราจะมาแบ่งปันวิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตสับปะรดไร่ม่วง รวมไปถึงเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ชาวสวนสับปะรดจะต้องมี มาดูสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนที่จะลงสวนไปเก็บสับปะรด

  1. เครื่องแต่งกาย เสื้อแขนยาวเอาแบบหนาๆเอาไว้กันหนามจากใบสับปะรด กางเกงขายาวเป็นกางเกงยีนส์ยิ่งดีครับ รองเท้าบูต ถุงมือ
  2. มีดสำหรับตัดสับปะรด
  3. ตะกร้าหรือเข่ง เอาไว้แบกสับปะรดออกจากแถว
ชุดเตรียมพร้อมสำหรับตัดสับปะรด
เมื่อเตรียมทุกอย่างครบแล้วก็มาลงมือตัดสับปะรดกันเลย วิธีการไม่ยากครับสังเกตดูว่าสับปะรดจะมีสีเหลือง 1-2 ตา ก็เป็นอันว่าใช้ได้ครับแต่ในสำหรับบางฤดูสับปะรดอาจจะสุกแล้วแต่สืของเปลือกสับปะรดยังมีสีเขียว ถ้าเป็นในลักษณะนี้ต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษของคนที่จะตัดสับปะรดครับ แต่วันนี้จะไม่เป็นความลับครับทางสวนเราจะมาแนะนำวิธีการเลือกสับปะรด ขั้นแรกเลยสังเกตุที่ตาสับปะรดครับถ้าเป็นสับปะรดสุกตาจะขยายจนเห็นได้ชัดเจน ขั้นตอนที่สองสังเกตุที่ก้านของสับปะรดจะมีรอยเหี่ยวย่น(ถ้าเปรียบเทียบคงจะเหมือนคนแก่ครับรอยย่นเต็มไปหมดสังเกตุง่ายๆครับ) ขั้นตอนที่สามเลือกสับปะรดด้วยวิธีการเลือกสับปะรดเคาะหรือดีดเรามีวิธีให้ครับ
หลังจากที่ตัดเสร็จแล้วก็เป็นการขนย้ายสับปะรดออกจากสวน ทางสวนเราจะใช้รถไถแบบต่อพ่วงหรือเรียกว่ารถอีแต๊กออกมาใส่รถบรรทุกออกไปส่งตามร้านค้า
ย้ายสับปะรดจากรถไถต่อพ่วงมาใส่รถบรรทุก

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สับปะรดเจ้าแม่พันตา

สับปะรดเจ้าแม่พันตาคืออะไร ? 
  หลายๆคนคงจะงงๆ...ว่าอะไรคือสับปะรดเจ้าแม่พันตาเป็นสับปะรดพันธุ์ใหม่รึป่าว ? วันนี้จะมาเฉลยเกี่ยวกับสับปะรดเจ้าแม่พันตาครับ สับปะรดที่ว่านี้ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าสับปะรดทั่วไปก็มีจุกมีก้านเหมือนสับปะรดลูกอื่นๆ แต่ที่เรียกเจ้าแม่พันตาก็เพราะว่า "ตาของสับปะรด" นี่แหละครับมันจะเยอะเป็นพิเศษถ้าจะนับกันจริงๆก็คงจะเป็นพันโน่นแหละครับ และมีอีกอย่างที่พิเศษก็คือจุกของสับปะรด จะมีมากกว่า 2-3 จุก อาจจะมีถึง 10-20 จุก นี่แหละครับเป็นที่มาของสับปะรดเจ้าแม่พันตา คือมีตามีจุกมากผิดปกติเปรียบเทียบได้จากรูปจากรูปครับ
เปรียบเทียบสับปะรดเจ้าแม่พันตากับสับปะรดปกคทั่วไป

สับปะรดเจ้าแม่พันตา

 ทำไมถึงตั้งชื่อสับปะรดเจ้าแม่พันตา ?

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มารู้จักสายพันธุ์สับปะรดในประเทศไทย

สวัสดีครับวันนี้จะนำสาระดีๆมาฝากกัน สาระที่ผมจะมานำเสนอในวันนี้คือ "พันธุ์สับปะรดของประเทศไทย" หลายๆคนคงจะยังไม่รู้จักว่าประเทศไทยเรานั้นมีสับปะรดกี่สายพันธุ์หรือว่าบางคนอาจจะรู้แล้ว สายพันธุ์สับปะรดที่จะนำมาเสนอในวันนี้มีอยู 7 สายพันธุ์ครับ

  1. พันธุ์ปัตตาเวีย หรือเรียกว่า สับปะรดศรีราชา
  2. พันธุ์อินทรชิต เป็นสับปะรดพันธุ์พื้นเมือง
  3. พันธุ์ขาว
  4. พันธุ์ภูเก็ต หรือ พันธุ์สวี
  5. พันธุ์นางแล หรือ พันธุ์น้ำผึ้ง
  6. พันธุ์ตราดสีทอง
  7. พันธุ์ภูแล
สับปะรด (Ananas comosus) เป็นไม้ผลเขตร้อน ที่จัดอยู่ในวงศ์ Bromeliaceae มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อน ของทวีปอเมริกาใต้ นักเดินเรือ ชาวสเปนและโปรตุเกส เป็น ผู้นำสับปะรดไปเผยแพร่ยังยุโรป อเมริกาเหนือและเอเชียในราว ศตวรรษที่ 16 และแพร่เข้ามายัง ประเทศไทยราวปีพ.ศ.2213- 2243
ถึงแม้ว่าสับปะรดมิได้ เป็นพืชพื้นเมืองของไทย แต่ก็ สามารถเจริญเติบโตและแพร่ กระจายได้ดีในประเทศไทย เนื่องจากสับปะรดที่ปลูกรับประทานผลกันอยู่ เป็นพันธุ์ที่ไม่มีเมล็ด จึงต้องมีการขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนของลำต้น (vegetative parts) เช่น หน่อ จุกและตะเกียง แต่เนื่องจากมีการปลูก และขยายพันธุ์กันมานานจนมีลักษณะกลายพันธุ์เดิมไปตามลำดับ บางพันธุ์มีลักษณะคล้ายพันธุ์ป่า คือมีต้นสูงใหญ่ มีหนามมาก และมีผลเล็ก สำหรับสับปะรดพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าในปัจจุบัน จะได้รับการ คัดเลือกจากต้นที่มีลักษณะเด่น คือ ผลใหญ่ ต้นเตี้ย หนามน้อย ผลเป็น รูปทรงกระบอก และมีอายุถึงวันเก็บเกี่ยวสั้น
พันธุ์สับปะรดที่ปลูกเป็นการค้าในประเทศไทย ได้แก่ 
- พันธุ์ปัตตาเวีย (Smooth Cayenne) หรือที่เรียกกันทั่วไป ว่า พันธุ์ศรีราชา มีผลใหญ่ที่สุดใน บรรดาสับปะรดด้วยกัน เนื้อมีรสหวานฉ่ำ ใบมีสีเขียวเข้ม กลางใบเป็นร่องมีสีแดงอมน้ำตาล ปลายใบมีหนามเล็กน้อย เป็นพันธุ์เดียวที่ปลูกเพื่อส่งโรงงานสับปะรดกระป๋อง ปลูกมากในจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี เพชรบุรี ระยอง และลำปาง

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผิวขาว ผิวสวย ช่วงหน้าหนาวด้วยสับปะรด

บทความนี้สำหรับคุณสาวๆครับ(คุณหนุ่มๆก็ได้ครับไม่ว่ากัน) ช่วงนี้ใกล้หน้าหนาวแล้วมาดูแลผิวพรรณกันดีกว่าเอาไว้อัพเร็ทติ้ง หน้าหนาวผิวลายผิวแตกกร้านอันนี้คงจะไม่เป็นที่ปรารถนาของคุณสาวๆที่ชอบความสวยความงามกันฅักเท่าไหร่ พอดีไปเจอบทความใน เวปกระปุก เลยเอามาฝากกันอาจจะเป็นประโยขน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

ศอกขาวเนียนด้วยสับปะรด (ไอเอ็นเอ็น)
สับปะรดก็สามารถช่วยให้ศอกขาวเนียนได้
ข้อศอกดำ หัวเข่าด้าน เป็นปัญหาที่หลายๆ คน แทบจะไม่อยากใส่เสื้อสายเดี่ยว และมินิสเกิร์ต เพราะจะทำให้ไม่มั่นใจ แต่วันนี้มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยได้ นั่นก็คือ สับปะรด
      วิธีทำ คือ เพียงนำเอาสับปะรด 1/4 ผล ไปสับให้ละเอียด จากนั้นนำเข้าตู้เย็น เมื่อได้เวลาอาบน้ำก็เปิดตู้เย็น หยิบสับปะรดที่เตรียมไว้ไปด้วย หลังจากที่อาบน้ำ ขัดผิวให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว นำสับปะรดเย็นๆ ที่เตรียมไว้มาขัดให้ทั่วแขน ขา ข้อศอก และหัวเข่า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง ทาด้วยครีมบำรุงผิวที่ใช้อยู่เป็นประจำ

   สูตรนี้สามารถทำได้บ่อยๆ แต่ก็ไม่ควรจะเกินวันเว้นวัน


ข้อมูลจาก http://women.kapook.com

วิธีการและขั้นตอนการปลูกสับปะรดไรม่วง ตอนที่2

สวัสดีครับพี่น้องชาวเกษตรกร บทความนี้จะเล่าต่อจาก วิธีการและขั้นตอนการปลูกสับปะรดไรม่วง ตอนที่1
บทความที่แล้วได้กล่าวถีงวิธีการเตรียมดินและหน่อพันธุ์สับปะรด ในวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการปลูกและอัตราส่วนต่างๆ มาเริ่มกันเลยครับ
  1. การปลูกสับปะรดไร่ม่วงนั้นมีอยู่ 2 แบบ 1)แบบเป็นแปลง 2)แบบเป็นแถว การปลูกที่นิยมกันในปัจจุบันคือการปลูกแบบเป็นแถว สามารถแบ่งย่อยเป็นเดี่ยวและแถวคู่ ข้อดีของการปลูกเป็นแปลงและการปลูกเป็นแถวนั้นมีข้อดีต่างกัน ข้อดีของการปลูกสับปะรดเป็นแปลงจะทำให้ปลูกได้มากกว่าการปลูกสับปะรดเป็นแถวโดยเฉลี่ยต่อไร่ เพราะว่า 1 แปลงนั้นจะปลูกสับปะรด 3-5แถว ส่วนข้อดีของการปลูกเป็นแถวคือเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตจะทำได้ง่ายกว่าแบบเป็นแปลง
  2. อัตราส่วนการปลูกสับปะรดระหว่างต้นและระหว่างแถว อัตรส่วนการปลูกสับปะรดแบบแถวเดี่ยวระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30 ฃม. ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 80 ฃม. อัตรส่วนการปลูกสับปะรดแบบแถวคู่ระยะห่างระหว่างต้นและคู่แถวประมาณ 30x40 ฃม. และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 80 ฃม.



วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีการและขั้นตอนการปลูกสับปะรดไรม่วง ตอนที่1

สวัสดีครับพี่น้องชาวเกษตรกรวันนี้ผมจะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการปลูกสับปะรดไร่ม่วงกับพี่น้องเกษตรกรชาวสับปะรดที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือว่าอยู่ต่างจังหวัดที่มีสวนสับปะรดเป็นของตนเอง
สำหรับขั้นตอนและวิธีการที่จะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองครับมาเริ่มกันเลย

  1. การเตรียมดิน
  2. การเตรียมหน่อพันธุ์สับปะรด
การเตรียมดิน
    การเตรียมดินที่จะปลูกสับปะรดนั้นถ้าจะให้ดีต้องมีการไถพรวน 2 รอบ เพราะการไถพรวน 2 รอบจะทำให้ดินที่จะปลูกสับปะรดนั้นแตกเป็นก้อนเล็กๆดังรูป

ดินที่ไถพรวน 2 รอบ

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แกงคั่วสับปะรด

สวัสดีครับวันนี้ทานข้าวกันรึยังถ้ายังไม่ได้ทานเชิญทางนี้ครับเรื่องทีจะนำมาเสนอวันนี้คือกับข้าวที่ทำจากสับปะรดพอดีวันนี้อยากกินแกงคั่งสับปะรดหอยแมลงภู่ครับมาลงมือกันเลย


ส่วนผสมของแกงคั่งสับปะรดหอยแมลงภู่

  1. เครื่องแกงคั่ว                 1/2 ถ้วย      
  2. หอยแมลงภู่                   1/2 กก.
  3. สับปะรด(คัดเอาแบบกรอบสไตล์สับปะรดไร่ม่วง)   1 ลูก
  4. หัวกะทิ                           1 ถ้วย    
  5. หางกะทิ                         2 ถ้วย
  6. น้ำตาลปี๊บ/น้ำตาลทราย                      
  7. น้ำปลาอย่างดี
  8. เกลือ                 
  9. น้ำมะขามเปียก
วิธีทำแกงคั่งสับปะรดหอยแมลงภู่
  1. ตั้งหม้อบนเตานำกะทิใส่ลงในหม้อ เปิดไฟปานกลาง
  2. พอกะทิเริ่มเดือด ใส่เครื่องแกงลงไปผัด คนส่วนผสมให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม (เวลาผัดกะทิกับเครื่องแกงไม่ต้องให้กะทิแตกมันนะครับ)
  3. ใส่หอยแมลงภู่ และสับปะรดลงไปผัดให้เข้ากันกับเครื่องแกงปล่อยให้ส่วนผสมทั้งหมดเดือด
  4. เติมหางกะทิที่เตรียมเอาไว้ลงไปรอให้น้ำเดือดอีกครั้ง
  5. ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก น้ำตาล น้ำปลาหรือเกลือ ชิมรสตามชอบนะครับ
เสร็จแล้วครับพร้อมเสริฟได้เลยกับข้าวสวยร้อนๆ

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มาทำพายสับปะรดกันเถอะ


สำหรับวันนี้ผมเอาสูตรการทำ พายสับปะรด มาฝากกันสำหรับขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก เหมาะสำหรับทำเป็นของฝากให้กับคนรู้จัก หากทำอร่อยจะเอาไปทำขายก็ไม่ว่ากันครับ เอาหละไม่พูดพร่ำทำเพลงละ เรามาลองดูวิธีทำกันดีกว่า

ส่วนผสม (ทำได้ 40 ชิ้น)
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง
2. เนยสด 1/2 ถ้วยตวง
3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
4. น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนชา


วิธีทำสับปะรดกวน
1. นำสับปะรดมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ
2. บีบน้ำออกให้หมด
3. นำสับปะรด 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา อบเชยขนาดยาว 1 นิ้ว 1 แท่ง เผาไฟนิดหน่อย พอให้ออกกลิ่น (ถ้าเป็นอบเชยป่นก็ใช้ 1/2 ช้อนชา) ลงไปกวนด้วย คนเป็นระยะจนเหนียวทิ้งไว้ให้เย็น

วิธีทำแป้งพาย
1. ร่อนแป้ง เกลือป่น และน้ำตาลไอซิ่ง 2 ครั้ง ใส่ภาชนะ
2. ใส่เนยสดโดยตัดเป็นแผ่นบางๆลงในแป้งที่ร่อนในขั้นตอนแรก
3. ค่อยๆพรมน้ำ พร้อมใช้มือตะล่อมแป้ง และเนยสดให้เข้ากัน
4. เมื่อนวดแป้งเข้ากันแล้ว ให้ห่อด้วยกระดาษฟลอย หรือถุงพลาสติก แช่ในตู้เย็น 15 นาที
5. นำแป้งออกจากตู้เย็น แล้วมาคลึงแผ่เป็นแผ่นหนาประมาณ 1/4 นิ้ว
6. ตัดเป็นแผ่นแล้วใส่ลงพิมพ์
7. ตักสัปรดกวนใส่ แล้วนำแป้งตัดเป็นเส้น ทาด้วยไข่แดงที่ตีพอแตก มาคาดทับ
8. เข้าเตาอบ ความร้อน 375 ฟาเรนไฮท์ หรือ 200 องศาเซลเซียส

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สับปะรดลอยแก้วเย็นๆสักถ้วยเอาไว้คลายร้อนกัน

สวัสดีครับวันนี้จะมาเสนอเมนูคลายร้อน ยิ่งช่วงนี้อากาศตอนเที่ยงคล้อยบ่ายรู้สึกว่าค่อนข้างจะร้อนถึงร้อนมากเมนูหลักวันนี้หวังว่าคงจะช่วยพวกเราคลายร้อนได้ไม่มากก็น้อยวันนี้เราจะเสนอ "สับปะรดลอยแก้ว" 


วิธีทำก็แสนจะง่ายใครๆก็ทำได้ครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
วัตถุดิบสำหรับสับปะรดลอยแก้ว
  1. สับปะรดไร่ม่วง    1 ลูก
  2. น้ำตาล                1/2 ถ้วย
  3. เกลือ                   1 ช้อนชา
  4. น้ำเปล่า               1 ถ้วย
  5. น้ำแข็ง                 1/2 ถ้วย

วิธีทำสับปะรดลอยแก้ว
  1. ปอกเปลือกสับปะรดแล้วหั่นเป็นชิ้นๆพอดีคำ
  2. ต้มน้ำให้เดือดใส่เกลือ น้ำตาล ลงไปคนให้ละลายแล้วลองชิมดูถ้าชอบรสชาติใหนก็เติมลงไป
  3. ทิ้งน้ำเชือมไว้ให้เย็น
วืธีรับประทานเอาสับปะรดที่หั่นไว้แล้วใส่ถ้วยเติมน้ำเชื่อมและน้ำแข็งแค่นี้ก็เรียบร้อยพร้อมเสริฟแล้วครับ
เมนูนี้เอาเป็นของหวานตอนเที่ยงจะดีมากเพราะจะช่วยย่อยอาหารมื้อเที่ยงของเราได้เป็นอย่างดี 

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ไวน์สับปะรดเอาไว้สังสรรค์สุดสัปดาห์ | Pineapple wine for mini party last weekend


พอถึงสิ้นเดือนทีไรมันต้องมีปาร์ตี้กันสักหน่อยกับพวกพ้องเพื่อนฝูงแบบไม่แพงเกินไปวันนี้จึงนำเสนอเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์ไม่มากนักเคื่องดื่มที่ว่าคือ "ไวน์สับปะรด" นั่นเองมีวิธีทำที่ไม่ยุ่งยากครับมาลงมือกันเลยดีกว่าครับ

ส่วนผสม
- น้ำสับปะรด 1 ลิตร
- น้ำตาลทรายขาว 1 กก.
- น้ำสะอาด 3.5 ลิตร
- ซิตริคแอซิด 1 ช้อนชา
- แพคติเนส (Pectic Enzyme) ½ ช้อนชา
- แทนนิน Tannic Acid ¼ ช้อนชา
- อาหารยีสต์ DAP 1 ช้อนชา
- ยีสต์ EC 1118 1 ซอง (5กรัม)

วิธีทำ
1. ละลายน้ำตาลกับน้ำ แล้วเติมส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นยีสต์) ลงในถังหมักปากกว้าง ผสมให้เข้ากัน ปิดฝา แล้วทิ้งไว้ 12 ชม.(อาจใช้ถังพลาสติกเกรดดีชนิดมีฝา ขนาด 8-10 ลิตร)
2. โรยยีสต์ลงบนน้ำหมัก หมักเป็นเวลา 7 –10 วัน กวนส่วนผสม ให้เข้ากันทุกวัน
3. เมื่อ S.G ลดลงเหลือ 1.010 ให้แยกส่วนใส ใส่ลงในขวดแก้ว หรือพลาสติก ขนาด 5 ลิตร แล้วใส่แอร์ล็อค
4. ทุกๆ 30 วัน ให้แยกส่วนใส เติมด้วยน้ำสะอาดให้เกือบเต็ม และใส่แอร์ล็อค ทำดังนี้จนกว่าไวน์จะใส
5. เติมสารละลาย 10% โปตัสเซียม เมตาไบซัลไฟด์ (10% KMS) 5 ซีซี (หากต้องการให้ไวน์หวาน เติมน้ำตาลเท่าที่ต้องการ)
6. ทิ้งไว้ 10 วัน ก่อนบรรจุขวด

* ไวน์จะพร้อมดื่มในอีก 5-6 เดือน

ข้อมูลจาก : www.d-i-wine.com